พาไปรู้จัก UTM เครื่องมือสุดเจ๋ง ที่ช่วยวิเคราะห์การตลาดได้
ในการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ Digital Marketing นั้น การติดตามข้อมูลเพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไข Campaign ในอนาคตนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่นักการตลาดมือใหม่หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วจะมีเครื่องมือใดที่สามารถนำมาใช้ได้บ้าง? ในวันนี้ เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ UTM เครื่องมือดีๆ ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถวิเคราะห์แผนการตลาดและเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญต่างๆ ได้
สำหรับยูทีเอ็มคืออะไรนั้น ยูทีเอ็ม เป็นคำย่อมาจาก Urchin Tracking Modules ที่หมายถึงการใส่ตัวแปรต่อท้าย URL เพื่อเป็นวิธีในการตรวจสอบว่ามีคนเข้าเว็บไซต์เราจากช่องทางใดบ้าง โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถวิเคราะห์ Traffic ของการเข้าเว็บไซต์ และนำผลลัพธ์เหล่านั้นมาเป็นตัวปรับปรุงการทำการตลาดในอนาคตของแบรนด์ได้
UTM ช่วยในการวิเคราะห์การตลาดอย่างไร
เครื่องมือ UTM นั้นสามารถช่วยวิเคราะห์แผนการตลาดได้ ในแง่ของการตรวจสอบที่มาของลูกค้าหรือผู้ที่คลิกลิงก์ในส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์เราว่ามาจากช่องทางใดบ้าง ซึ่งก่อนจะสามารถใช้งานเครื่องมือนี้ได้นั้น เราก็ต้องไปทำความรู้จักในเบื้องต้นกันก่อนครับ
UTM คืออะไร?
อย่างที่ได้กล่าวไว้ด้านบนแล้วว่า UTM คือตัวแปรสำหรับใส่ต่อท้ายของ URL สำหรับการเช็คว่าคนที่เข้าเว็บไซต์ของเรานั้นมาจากช่องทางใดบ้าง มาได้อย่างไร โดยหน้าตาของลิงก์ที่ประกอบไปด้วยเครื่องมือ UTM จะมีหน้าตาในลักษณะนี้
หรือ
โดยส่วนที่เป็น ตัวแปร UTM จะขึ้นต้นด้วย utm_source, utm_medium, utm_campaign และตามด้วยค่าที่เรากำหนดไว้ ซึ่งโดยส่วนประกอบของ UTM ทั้ง 3 ส่วนนั้น เราจะมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจกันในส่วนถัดไปครับ
องค์ประกอบของ UTM
ในขั้นตอนการแนะนำ UTM ด้านบนนั้น จะเห็นได้ว่าเราพูดถึงองค์ประกอบของ UTM ว่ามีอยู่ทั้งหมด 3 ส่วน โดยแต่ละส่วนคืออะไร และหมายถึงอะไร เราจะมาแนะนำทุกคนกันครับ
- Source คือตัวแปรที่บอกต้นทางของ URL ว่ามาจากช่องทางใด โดยจะมีค่าตัวแปร คือ “utm_source=” และตามด้วยชื่อ source ที่เรากำหนด เช่น หากเราจะนำ URL ไปแปะใน Facebook และต้องการ Track โดยใช้ UTM ด้านหลัง Source เราควรใส่เป็น Keyword เช่น Facebook หรือ FB
- Medium คือตัวแปรที่บอกถึงเครื่องมือของ Source ที่ทำให้คนคลิกลิงก์เข้ามา โดยจะอยู่ต่อท้ายตัวแปร Source เชื่อมด้วยเครื่องหมาย “&” มีค่าตัวแปร คือ “utm_medium=” และต่อด้วย=njvเครื่องมือ อาจจะเป็นได้ทั้งลิงก์ที่แนบอยู่กับโพสต์ คอมเมนต์ ในคอนเทนต์บนเว็บไซต์อื่น แบนเนอร์ หรือวิดีโอ ซึ่งเราก็ควรกำหนดให้ตรง เพื่อให้ในขั้นตอนการวิเคราะห์ เราสามารถวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องนั่นเอง
- Campaign คือตัวแปรที่จะระบุ Campaign ของลิงก์นั้นว่าอยู่ในแคมเปญประเภทใด โดยจะอยู่ต่อท้ายตัวแปร Medium เชื่อมด้วยเครื่องหมาย “&” มีค่าตัวแปร คือ “utm_campaign=” และต่อด้วยชื่อแคมเปญ ซึ่งตัวแปรนี้จะช่วยให้เราสามารถจัดหมวดหมู่ของลิงก์ได้
วิธีใช้เครื่องมือ UTM ในการดูต้นทางของลูกค้า
การสร้างตัวแปร UTM นั้น สามารถใช้งานบริการ Campaign URL Builder จาก Google Analytics ได้ที่นี่
https://ga-dev-tools.appspot.com/campaign-url-builder/
โดยเราสามารถใส่ตัวแปรใน 3 ส่วน และระบบจะ Generate URL ที่สมบูรณ์มาให้เราใช้งานได้ทันที หากลิงก์ยาวเกินไป เราก็สามารถใช้บริการ Shortened URL ต่างๆ เพื่อย่อลิงก์ได้
การใช้เครื่องมือ Campaign URL Builder จาก Google Analytics นั้น จะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบภายหลังได้ว่า ลิงก์ที่เราได้ทำการโปรโมทนั้น มีคนคลิกมาจากช่องทางใดมากที่สุด คลิกผ่านตัวกลาง (medium) อะไร โดยตรวจสอบผ่านเครื่องมือที่ใช้ร่วม ยกตัวอย่างเช่น bit.ly ที่เมื่อนำลิงก์ที่มีตัวแปร UTM ไปใส่แล้ว จะสามารถตรวจสอบได้ว่ามีคนคลิกกี่คน มาจากช่องทางใด พื้นที่ใด เข้ามาเวลาใดบ้าง หรือใช้งานร่วมกับ Google Analytics เพื่อประสิทธิภาพที่สูงสุด
จุดเด่นของ UTM
สำหรับจุดเด่นของ UTM นั้นก็มีดังนี้ครับ
- ข้อมูลที่ได้รับมีความแม่นยำ บางครั้ง Google Analytics (GA) อาจจะไม่ได้แสดงผลแหล่งที่มาของผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างแม่นยำ การใช้ตัวแปร UTM นั้นจะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบ Source ของผู้เข้าชม รวมถึง Medium ที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์คลิกเข้ามาได้อย่างแม่นยำมากกว่า (ควรใช้ทั้ง GA และ UTM ประกอบกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด)
- ช่วยให้ทราบประสิทธิภาพของสื่อที่ใช้ การใส่ตัวแปร utm_medium เพื่อแยกประเภทของสื่อที่ใช้ในการทำการตลาดนั้น จะช่วยให้เรารับรู้ได้ว่า การทำการตลาดผ่านคอนเทนต์ในรูปแบบใดที่มีความเหมาะสมที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด และจะช่วยให้เราสามารถ Focus การทำการตลาดได้อย่างถูกจุดนั่นเอง
- ช่วยให้ทราบถึงผลลัพธ์ของการทำแคมเปญ การใช้ตัวแปร UTM นั้น ช่วยให้เราสามารถแยกประเภทของ Campaign ภายใน Google Analytics ได้ และช่วยให้เราสามารถดู Traffic ของแต่ละแคมเปญว่าเป็นอย่างไร และช่วยให้เราทราบผลตอบรับของการทำการตลาดในแต่ละแคมเปญได้นั่นเองครับ
แน่นอนว่าประโยชน์ของเครื่องมืออย่างยูทีเอ็มนั้น จะช่วยทราบถึงช่องทางของลูกค้าหรือ Potential Customer ว่ามีต้นทางที่มาจากไหน และจะช่วยให้การทำการตลาดภายในธุรกิจของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการปรับเปลี่ยนวิธีการทำ Campaign ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคนั่นเองครับ
หากมีปัญหาด้านการทำการตลาด Advanced iService รับปรึกษาปัญหาด้านการตลาดฟรี คลิกเลย
บริการที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ ให้คำปรึกษาด้าน Digital Marketing - Advanced iService
