ปลั๊กอิน (Plugin) คืออะไรทำไมเว็บไซต์ต้องมี ?
ปลั๊กอิน เปรียบเสมือนแอปพลิเคชันขนาดเล็กที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมฟังก์ชันการทำงานให้กับโปรแกรมหลัก โดยในกรณีของเว็บไซต์ WordPress ปลั๊กอินก็จะเข้ามาเพิ่มความสามารถพิเศษให้กับเว็บไซต์นั่นเอง
ทำไมเว็บไซต์ถึงต้องมีปลั๊กอิน WordPress?
- เพิ่มฟังก์ชันการทำงาน: ปลั๊กอินช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ที่ระบบพื้นฐานทำไม่ได้ เช่น สร้างร้านค้าออนไลน์, สร้างฟอร์มติดต่อ, เพิ่มสไลด์โชว์, ปรับปรุง SEO และอีกมากมาย
- ปรับแต่งเว็บไซต์: ปลั๊กอินช่วยให้คุณปรับแต่งรูปลักษณ์และความรู้สึกของเว็บไซต์ได้อย่างละเอียดมากขึ้น โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเอง
- ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: การใช้ปลั๊กอินช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างนักพัฒนาเว็บไซต์
- ง่ายต่อการใช้งาน: ปลั๊กอินส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม
- อัปเดตอยู่เสมอ: ผู้พัฒนาปลั๊กอินมักจะอัปเดตปลั๊กอินให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ในบทความนี้เราจะมารวบรวม 5 ปลั๊กอิน (Plugin) WordPress ที่ขาดไม่ได้สำหรับเว็บไซต์ธุรกิจ
- Yoast SEO เป็นหนึ่งในปลั๊กอิน SEO ที่ได้รับความนิยมมากสำหรับ WordPress โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 5 ล้านเว็บไซต์ทั่วโลก ปลั๊กอินนี้ช่วยปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้เป็นมิตรกับ Search Engine มากขึ้น ซึ่งส่งผลกับอันดับของเว็บไซต์บน Google
- WooCommerce เป็นปลั๊กอิน e-commerce ที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับ WordPress โดยเว็บไซต์ e-commerce ทั้งหมดใช้ปลั๊กอินนี้ช่วยเปลี่ยนเว็บไซต์ WordPress ให้กลายเป็นร้านค้าออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพได้อย่างง่ายดาย
- WP Rocket ปลั๊กอินเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ ความเร็วของเว็บไซต์มีผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ ซึ่ง WP Rocket เป็นปลั๊กอินที่ช่วยเพิ่มความเร็วให้กับเว็บไซต์ WordPress ของคุณโดยใช้เทคนิคการ Caching
- Elementor เป็นปลั๊กอินสร้างหน้าเว็บแบบ visual ที่ช่วยให้คุณออกแบบหน้าเว็บได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องเขียนโค้ด
- Contact Form 7 ช่วยให้คุณสร้างฟอร์มได้หลายแบบ ปรับแต่งง่าย มีระบบป้องกันสแปม และส่งอีเมลอัตโนมัติ ปลั๊กอินนี้ฟรีและใช้งานง่าย จึงเป็นที่นิยมสำหรับเว็บไซต์ WordPress ทั่วไป
เว็บไซต์ WordPress ประเภทไหนบ้างที่จำเป็นต้องใช้ Plugin ?
นอกจากปลั๊กอินดี ๆ เราได้เรียนรู้จากข้างต้นแล้วในส่วนนี้จะมาพูดถึงส่วนของเว็บไซต์ WordPress กันว่ามีกี่ประเภทที่นิยมใช้ในธุรกิจยุคปัจจุบัน
- เว็บไซต์บล็อก (Blog)
เว็บไซต์ประเภทนี้เป็นที่นิยมและใช้สำหรับการโพสต์บทความ ข่าวสาร และข้อมูลทั่วไป คือแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับนักเขียน นักข่าว หรือบุคคลที่ต้องการแบ่งปันเรื่องราวเฉพาะกลุ่ม
- เว็บไซต์ธุรกิจ (Business Website)
เว็บไซต์ธุรกิจใช้สำหรับการแสดงผลและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือธุรกิจ เว็บไซต์ประเภทนี้ มักจะประกอบด้วยหน้าเพจที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ ประวัติบริษัท ข้อมูลการติดต่อ หรือบล็อกสำหรับการอัปเดตข่าวสาร
- เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (eCommerce Website)
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเป็นเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับขายสินค้าและบริการออนไลน์ โดยใช้ปลั๊กอินอย่าง WooCommerce หรือ Easy Digital Downloads เพื่อจัดการกับการขาย การชำระเงินรวมถึงการจัดส่ง
- เว็บไซต์พอร์ตโฟลิโอ (Portfolio Website)
เว็บไซต์พอร์ตโฟลิโอเป็นเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อแสดงผลงานหรือโปรเจกต์ของบุคคลรวมถึงบริษัท มักใช้โดยนักออกแบบ Graphic Design ศิลปิน ช่างภาพ เพื่อแสดงความสามารถและผลงานของตน
- เว็บไซต์การศึกษา (Educational Website)
เว็บไซต์การศึกษามักใช้สำหรับการเผยแพร่เนื้อหาการเรียนการสอน หรือการสร้างหลักสูตรออนไลน์ผ่านปลั๊กอินอย่าง LearnDash หรือ LifterLMS เหมาะสำหรับสถาบันการศึกษา ครู หรือบุคคลที่ต้องการขายคอร์สเรียนออนไลน์
ทั้งห้าเว็บไซต์ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีเว็บไซต์อีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบันนั้นคือเว็บไซต์ข่าวสาร เนื่องจากผู้คนต้องการติดตามข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตตลอดเวลา นอกจากนั้นยังมีประเภทอื่น ๆ เช่น เว็บไซต์เพื่อการศึกษาและเว็บไซต์พอร์ตโฟลิโอถูกนำมาใช้มากขึ้นตามความต้องการเฉพาะด้านของผู้ใช้งาน หากองค์กรหรือธุรกิจไหนต้องการสร้างเว็บไซต์เป็นของตนเองรวมถึงอยากได้ปลั๊กอินดี ๆ เอาไว้บริหารจัดการเว็บไซต์แนะนำว่าควรใช้บริการสร้างเว็บจากบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะการจ้างบริษัทสร้างเว็บไซต์ช่วยให้คุณได้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูง ตรงตามความต้องการ และประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว
